เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ PRK

PRK

ปัญหาสายตาเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับคนไทยบ่อยมาก เนื่องจากว่าคนไทยส่วนใหญ่ได้ใช้เวลาไปกับการทำงานนั่งโต๊ะ หรือบางคนก็ทำงานเกี่ยวกับการใช้สายตาเป็นเวลานาน ดังนั้นจะดีกว่าหรือไม่หากว่าในกรณีที่คุณเองมีปัญหาทางสายตา แต่พยายามหาวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และ PRK (Photokeratoplasty )ก็เป็นหนึ่งในวิธีรักษา โดยเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับการรักษาในลักษณะที่กล่าวมาข้างต้นมีดังต่อไปนี้ 

Photokeratoplasty  หรือ PRK คืออะไร  

สำหรับ Photokeratoplasty คือการรักษาสายตาโดยแพทย์ผู้ชำนาญทำหัตถการ ดูคล้ายคลึงอย่างมากกับการทำเลสิค หากแต่ว่าจะไม่ได้แยกชั้นของกระจกตา ดังที่เราคุ้นเคยกับวิธีเลสิกนั่นเอง ก่อนอื่นจักษุแพทย์จะมีการลอกผิวที่กระจกตา จากนั้นจะมีการปรับความโค้งของผิว เหมาะสมกับคนที่กระจกตาไม่หนาเหมือนคนทั่วไป หรือบางคนที่มีอาชีพต้องใช้สายตาบ่อยๆ เป็นต้น ซึ่งการรักษาตัวหลังการทำ Photokeratoplasty ถือว่าค่อนข้างยาวนานกว่าการทำเลสิก เพราะว่าหลังการเข้ารับรักษาแบบ Photokeratoplasty จะต้องใช้ยาหยอดตาที่มีฤทธิ์แบบสเตียรอยด์นั่นเอง แพทย์จะทำการรักษาอย่างใกล้ชิด และนัดเพื่อตรวจสอบดวงตาเป็นระยะๆ  

ใครที่เหมาะสมจะทำ Photokeratoplasty หรือ PRK 

หากถามถึงความเหมาะสมของการรักษาสายตาด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ ต้องบอกเลยว่าการรักษาวิธีนี้จะเหมาะสมกับการทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตทั่วๆ ไป และบางคนที่ทำอาชีพซึ่งใช้แว่นตาไม่ได้ หรือบางคนที่ติดข้อจำกัดไม่สามารถใช้คอนแทคเลนส์ด้วย อย่างไรก็ตามคนที่จะทำการรักษาแบบ Photokeratoplasty นั้นจะต้องสังเกตตัวเองว่ามีสายตาที่คงที่แบบนี้อย่างน้อย 12 เดือน เพราะคนที่อายุไม่ถึง 18 ปี สายตาของคุณจะมีการเปลี่ยนค่าสายตาเรื่อยๆ ไป ดังนั้นหากอายุไม่ถึงควรรอให้ถึงเสียก่อน เพื่อที่การรักษาจะได้ไม่ผิดพลาด ในกรณีที่เป็นต้อหิน หรือว่าโรคจอประสาทตา ก็สามารถทำการรักษาแบบ Photokeratoplasty ได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ดี ใครที่อยากจะทำอาจจะต้องรอให้คลอดบุตรเสียก่อน เพราะฮอร์โมนระหว่างการตั้งท้องจะทำให้ค่าสายตาของเรานั้นเกิดความเปลี่ยนแปลงนั่นเอง และอย่าลืมมีทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการรักษาด้วยวิธี PRK เนื่องจากว่าหากผลออกมาไม่เป็นแบบที่หวังไว้ อาจจะทำให้เกิดความเสียใจในอนาคตได้ ดังนั้นการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นจะทำให้การตัดสินใจไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน 

หากว่าใครที่อยากให้การรักษาสายตาของคุณเปี่ยมไปด้วยประสิทธภาพและคุณภาพ แนะนำว่าให้พยายามลองมองหาหนทางการรักษาหลายต่อหลายรูปแบบ และพยายามเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับช่วงวัย อายุ และสุขภาพ รวมถึงโรคประจำตัวของตนเองให้ได้มากที่สุด หากทำได้เท่านี้ เราจะมีสุขภาพดวงตาที่ดีอย่างแน่นอน